
เป็นที่ทราบกันดีว่า นมแม่ คือ อาหารที่ดีที่สุดของทารก เพราะมีสารอาหารที่จำเป็นต่อทารกอย่างครบถ้วน ช่วยสร้างภูมิต้านทาน ลดความเสี่ยงการเกิดโรคไหลตายในทารกได้ องค์การอนามัยโลกแนะนำให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวติดต่อกันนาน 6 เดือน เพื่อให้ลูกเติบโต แข็งแรง มีพัฒนาการที่ดี
แต่ในยุคนี้คุณแม่หลายคนต้องทำงานนอกบ้าน การปั๊มนมเก็บสต๊อกไว้ จึงเป็นเรื่องจำเป็น เครื่องปั๊มนม นับเป็นตัวช่วยที่จะช่วยให้คุณมีน้ำนมเพียงพอสำหรับลูกน้อย




ประโยชน์ของเครื่องปั๊มนม
- ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา ไม่ต้องซื้อนมผสม เครื่องเดียวใช้ได้นาน
- ช่วยกระตุ้นและเพิ่มปริมาณน้ำนม
- ช่วยให้คุณแม่ทำสต๊อกนมแม่เก็บไว้ให้ลูกทาน
- ช่วยปั๊มเพื่อระบายน้ำนมออก ให้เต้านมนิ่มลง ลูกน้อยดูดนมได้ง่ายขึ้น เพราะหากเต้านมคัดแข็ง ลูกจะดูดนมได้ยาก จนอาจไม่ยอมเข้าเต้า และยังทำให้คุณแม่เสี่ยงตเต้านมอักเสบ เพราะน้ำนมไม่ได้ระบายอีกด้วย
- ช่วยกระตุ้นน้ำนมให้มามาก มาเร็ว และผลิตน้ำนมแม่ให้ทารกที่มีปัญหาในการดูดนมจากเต้า ให้ได้รับคุณค่าน้ำนมแม่เต็มที่ เช่น ทารกที่คลอดก่อนกำหนด หรือลูกน้อยที่มีสุขภาพอ่อนแอ มีโรคประจำตัวจนไม่สามารถดูดนมแม่เองได้
ปัจจับที่ควรคำนึงถึงในการเลือกซื้อเครื่องปั๊มนม
- ประสิทธิภาพของแรงดูดและรอบดูด
เครื่องปั๊มนมที่ดี ควรมีจังหวะการปั๊มเลียนแบบการดูดของทารก แรงดูด (Suction Strength) อย่างน้อย 200 mmHg รอบการดูดอย่างน้อย 40-60 รอบต่อนาทีจึง จะใกล้เคียงการดูดของทารก ปรับแรงดูดได้ตามความต้องการของผู้ใช้
ช่วง 6-12สัปดาห์แรก หากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นไปด้วยดี ร่างกายมักจะผลิตน้ำนมได้เกินกว่าความต้องการของทารก การปั๊มนมในช่วงนี้จะค่อนข้างง่าย และได้ปริมาณมาก แต่เมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวแล้วเครื่องปั๊มนมที่มีรอบดูดต่ำกว่า 40 ครั้งต่อนาทีจะทำให้ปั๊มนมได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นหากจำเป็นต้องปั๊มนมนานกว่า 4 เดือนขึ้นไปควรเลือกซื้อเครื่องปั๊มนมที่มีรอบดูดมากกว่า 40 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป
- ขนาดของเครื่องปั๊มนม
เมื่อคุณแม่ต้องกลับไปทำงาน อาจต้องขนย้ายเครื่องปั๊มน้ำนมไป-กลับทุกวัน จึงควรหาเครื่องที่พกพาสะดวก
- ที่มาของพลังงานที่ใช้กับเครื่องปั๊ม
1. แม้เครื่องปั๊มนม แบบปั๊มมือ จะมีราคาประหยัด แต่ก็สามารถปั๊มนมได้ทีละข้างเท่านั้น การใช้แรงมือในการบีบ อาจทำให้เมื่อยมือ ปั๊มนมได้ไม่นาน ทำให้ระบายน้ำนมแม่ได้ไม่เต็มที่
2. เครื่องปั๊มนมแบบใช้แบตเตอรี่
สามารถปรับระดับแรงปั๊มนมได้หลายระดับ มีทั้งแบบปั๊มเดี่ยวและปั๊มคู่ มีการทำงานให้เลือกหลายโหมด เช่น โหมดกระตุ้นน้ำนม หรือโหมดปั๊มนม มีเสียงค่อนข้างดัง อาจไม่เหมาะที่จะนำไปปั๊มที่ทำงาน
3. เครื่องปั๊มนมแบบใช้ไฟฟ้า มักมีราคาค่อนข้างสูง แต่มีความคงทน ใช้งานได้นาน
- เสียงของเครื่องปั๊มนม
เครื่องปั๊มนมไฟฟ้าทำงานด้วยกลไกของมอเตอร์ เครื่องที่มีมอเตอร์ขนาดใหญ่ เสียงจะเบากว่าเครื่องที่มีมอเตอร์ขนาดเล็ก
4. ระบบที่มีในเครื่อง
เครื่องปั๊มนมที่ใช้แบตเตอรี่ หรือเครื่องปั๊มนมไฟฟ้า จะมีโหมดตัวช่วยในการใช้งานที่มีด้วยกันหลัก ๆ 3 โหมด คือ โหมดกระตุ้นน้ำนม โหมดดูดน้ำนม และโหมดสลายท่อน้ำนมอุด แนะนำว่าควรเลือกซื้อเครื่องที่มีครบทั้ง 3 โหมด
TIPS ในการเลือกซื้อเครื่องปั๊มนม
1. คุณแม่มีเวลามากน้อยเพียงใดในการปั๊มนม ปกติแล้วการปั๊มนมแต่ละข้างใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ดังนั้นหากคุณแม่จำเป็นต้องปั๊มนมในที่ทำงาน ควรเลือกเครื่องปั๊มแบบไฟฟ้า หากเป็นแบบปั๊ม 2 ข้างพร้อม จะช่วยประหยัดเวลาไปกว่าครึ่ง และช่วยกระตุ้นให้ผลิตน้ำนมมากขึ้นด้วย
2. ควรเลือกเครื่องปั๊มนมที่ง่ายต่อการประกอบ รวมถึงการถอดแยกชิ้นส่วนเพื่อทำความสะอาด
3. หากเลือกปั๊มแบบแบตเตอรี่หรือแบบไฟฟ้า ควรพิจารณาที่สามารถปรับระดับความแรงในการปั๊มได้หลายระดับ
ภ. ระดับเสียงของเครื่องปั๊มขณะทำงาน หากคุณแม่จำเป็นต้องใช้ที่ปั๊มนมในที่ทำงาน หรือตอนกลางคืนใกล้ลูกน้อย ควรเลือกใช้เครื่องปั๊มนมที่ไม่มีเสียงดังนัก
ข้อควรระวังในการใช้เครื่องปั๊มนม
– ความแรงในการปั๊มนม : หากใช้เครื่องปั๊มนมที่มีแรงปั๊มหนักเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาหัวนมแตก แต่หากเลือกเครื่องปั๊มนมที่แรงปั๊มน้อยเกินไป อาจทำให้น้ำนมไหลได้น้อย ไม่เกลี้ยงเต้า และเกิดปัญหาท่อน้ำนมอุดตันได้
– เลือกขนาดกรวยเหมาะกับหน้าอก : ควรเลือกรูปทรงของกรวยให้พอดีกับสรีระ ทั้งความลึก และความกว้างของจานกรวย โดยดูว่าหัวนมของคุณแม่พอดีกับกรวยหรือไม่ หากคุณแม่เลือกขนาดกรวยปั๊มพอดีกับเต้านม อาจทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บระหว่างปั๊มน้ำนม และส่งผลกับปริมาณน้ำนมได้
พรีเมียร์ โฮม เฮลท์ แคร์ รักษาทุกปัญหาน้ำนมแม่ ทั้งที่บ้าน ที่คลินิก อาทิ นวดเปิดท่อน้ำนม รักษาท่อน้ำนมอุดตัน แนะนำการเคลียร์เต้า สะกิดไวท์ ดอท เป็นต้น
โทร 021060077